
วันนี้เราจะพาคุณไปเรียนรู้สัญญาณเตือนไฟบนหน้าปัดรถยนต์ที่ควรรู้ เพราะบางคนชอบองข้ามไป จนทำให้รถพังเสียห า ยได้ กับ 9 สัญญานไฟบนหน้าปัด ที่หล า ยคน มองข้าม ทำให้รถพัง ไปดูกันว่ามีสัญญาณอะไรบ้างที่คุณนั้นควรจำให้ขึ้นใจ
หล า ยคนที่ใช้รถมักจะไม่เข้าใจสัญญาณเตือนที่แสดงอยู่บนหน้าปัดรถ บางครั้งก็มองข้ามไป แต่จริงๆแล้ว มันคือสิ่งที่ไม่ควรมองข้ามเป็นอันข า ด เพราะ กำลังบ่งบอ กถึงความผิดปกติบางอย างเกิดขึ้นในรถของคุณ คุณควรที่จะรู้สัญลักษณ์สัญญานไฟแจ้งเตือนต่างๆบาหน้าปัดรถ เพื่อแก้ไขปัญหาได้ถูกต้อง
เราจึงได้รวบรวมข้อมูลสัญญาณไฟที่สำคัญๆ ที่มักจะขึ้นโชว์ หรือ แจ้งเตือนบนหน้าปัดรถให้เห็นอยู่บ่อยๆ ว่ามันบ่งบอ กถึงความผิดปกติอะไรบ้างในรถคุณ และ อย างน้อยๆเมื่อเกิดปัญหาขึ้นแล้วเราก็ได้รู้ว่าต้องแก้ไขที่จุดไหน หรือ เมื่อไปถึงอู่ซ่อมรถแล้ว จะได้ไม่โดนช่างแนะนำให้เปลี่ยนอะไหล่ส่วนอื่นเพิ่มทำให้เสียเงินโดยไม่จำเป็น
สัญญาณเตือนจะมีการเรียงลำดับความสำคัญต ามสีต่างๆ ดังนี้ สีแดง –> สีเหลือง –> สีเขียว ( สีแดง สำคัญที่สุด ) ถ้าหากมีสัญลักษณ์สีแดงโชว์ขึ้น มา คุณไม่ควรมองข้าม เพราะ หากฝืนใช้ต่อรถอาจพัง หรือ เกิดความเสียห า ยได้
ไฟเตือนสีแดง หมายถึง อย ามองข้าม ต้องรีบตรวจสอบความผิดปกติต ามรูปไฟเตือนที่ปรากฎในทันที
ไฟเตือนสีเหลืองหรือส้ม หมายถึง แจ้งเตือนให้ระวัง สามารถใช้งานรถต่อไปได้ แต่ต้องระมัดระวังในการใช้งาน
ไฟเตือนสีเขียว หมายถึง ผู้ขับกำลังใช้งานอุปกรณ์ของรถยนต์ที่ไม่เกิดความเสียห า ยอยู่
ต่อไปเรามาดูสัญลักษณ์แต่ละอย างนั้น จะบ่งบอ กถึงความผิดปกติ หรือข้อควรระวังในเรื่องอะไรบ้างเกี่ยวกับรถของคุณ
1 สัญญาณรูปตะเกียงน้ำมันมีน้ำหยด
หากมีสัญญาณนี้ขึ้น มา หมายถึง น้ำมันเครื่องในเครื่องยนต์มีต่ำมากจนไม่สามารถไปหล่อเลี้ยงเครื่องยนต์ได้อย างทั่วถึง ดังนั้นไม่ควรฝืนใช้รถต่อ เพราะอาจจะทำให้เครื่องยนต์มีปัญหาได้ หากเช็คแล้วน้ำมันเครื่องยังอยู่ในระดับปกติ แต่มีไฟโชว์ขึ้น มาก็เป็นไปได้ว่า ปั๊มหัวจ่ายน้ำมันเครื่องอาจมีปัญหา ทำให้ไม่สามารถปั้มส่ งน้ำมันเครื่องไปหล่อเลี้ยงส่วนต่างๆของเครื่องยนต์ได้อย างทั่วถึง
2 สัญญาณไฟรูปตู้จ่ายน้ำมันแต่มีจุดๆอยู่ด้านล่าง ( คล้ายๆ ที่แจ้งเตือนตอนน้ำมันใกล้หมด )
หล า ยๆคนที่เห็นสัญญาณนี้มักเข้าใจผิดว่าเป็นการเตือนว่าน้ำมันใกล้หมด แต่แท้จริงแล้วกรองน้ำมันกำลังมีปัญหา อาจมีน้ำผสมอยู่ในน้ำมัน หรือ เกิดจากการที่กรองน้ำมันตัน ควรเข้าอู่ซ่อมรถ หรือ ศูนย์บริการ ทำการเช็คกรองน้ำมันให้ดี
3 สัญญาณไฟรูปตู้จ่ายน้ำมัน
สัญญาณไฟรูปตู้จ่ายน้ำมันแบบไม่มีจุดอยู่ข้างล่าง ( คล้ายๆกับข้อแรก แตกต่างตรงที่ไม่มีจุดด้านล่าง ) คือ การเตือนว่าน้ำมันกำลังอยู่ในระดับต่ำ ให้เติมน้ำมันก่อนที่จะหมด ปกติแล้วรถจะสามารถวิ่งต่อได้อีกประมาณ 50-100 กิโลเมตร
แล้วแต่ชนิดเครื่องยนต์ และ รุ่นของรถ หากสังเกตดีๆจะเห็นสัญลักษณ์รูป สามเหลี่ยมเล็กๆ ด้านข้างรูปถังน้ำมัน มันช่วยบ่งบอ กว่าฝาถังน้ำมันของรถคุณอยู่ฝั่งไหน ( ตัวอย างในรูป ลูกศรชี้ไปทางขาวฝาถังน้ำมันอยู่ฝั่งขวา ) เวลาเข้าปั้มเติมน้ำมันจะได้จอ ดถูกฝั่งจ่ายน้ำมัน
4 สัญญาณไฟรูปเครื่องยนต์
สัญญาณแจ้งเตือนนี้สามารถเกิดขึ้นได้จากหล า ยสาเหตุมากๆ ถ้าไฟรูปเครื่องโชว์ขึ้น มาแล้วไม่ห า ยไปเมื่อไหร่ แสดงว่าการทำงานของเครื่องยนต์เริ่มมีปัญหาแล้ว ต้องทำการตรวจสอบด้วยเครื่องของทางศูนย์บริการหรืออู่ ต้องให้ช่างเช็คอาการแบบละเอียด
5 สัญญาณแบตเตอรี่ ขั้วบวก ขั้วลบ
หากเห็นสัญญาณนี้อย ามองข้ามเป็นอันข า ด เพราะ อาจทำให้รถยนต์ดับ หรือ สต าร์ทไม่ติดอีกเลย เป็นปัญหาเกี่ยวกับระบบไฟฟ้า และ แบตเตอรี่ของรถยนต์ อาจจะหมายถึง ไดร์ช าร์จทำงานผิดปกติ เช่น ไดร์ช าร์จไม่ทำงาน ไม่ช าร์จไฟเข้าแบตเตอรี่ หรือ ไม่มีการจ่ายไฟเข้าใช้งานในระบบรถยนต์ เมื่อใช้ไปเรื่อยๆอาจทำให้ระบบไฟฟ้าทั้งหมดในรถยนต์ไม่ทำงาน และ ทำให้รถดับไป
6 สัญญาณมีระบุคำว่า ABS
หากมีสัญญาณแบบนี้เตือน อาจจะหมายถึงระบบเบรค ABS มีปัญหา ให้นำรถเข้าตรวจสอบกับอู่ทันที แต่ระบบเบรกยังสามารถใช้งานได้ปกติอยู่ แต่เมื่อมีการเหยียบเบรกกะทันหันจนล้อล๊อค ระบบ ABS อาจจะไม่ทำงาน บางคนอาจจะงง จะขออธิบายเสริมนิดหน่อยว่า ระบบเบรค กับ ระบบเบรค ABS นั้นคนละส่วนกัน ตัว ABS คือระบบช่วยไม่ให้ล้อล๊อ กเวลาเบรคกระทันหัน จนรถเสี ยการทรงตัวไถลไปต ามพื้นถนน เป็นการช่วยลดโอ กาสที่รถจะ พ ลิ ก ค ว่ำ หรือ ไถลตกข้างทาง
7 สัญญาณไฟเครื่องหมายตกใจกลางวงกลม หรือ เบรค
จะมี 2 กรณี คือ เมื่อมีการดึงเบรกมือ หรือลดเบรกมือยังไม่สุด จะทำให้สัญลักษณ์นี้ติดขึ้น มา แต่ถ้าหากลดเบรกมือแล้วยังไม่ห า ย คงต้องตรวจสอบระบบเบรก โดยดูระดับน้ำมันเบรกเป็นสิ่งแรก เพราะโดยปกติแล้วสัญญาณนี้จะแจ้งเมื่อน้ำมันเบรกลดลงต่ำกว่าระดับปกติ แต่บางรุ่นจะแยกกันระหว่างระบบเบรกกับเบรกมือไว้แยกจากกัน
8 สัญญาณไฟรูปปรอทมีขีดระดับน้ำ
หากขึ้นสัญญาณนี้ หมายถึง การเตือนเรื่องความผิดปกติของระบบระบายความร้อนของเครื่องยนต์ เช่น พัดลมหม้อน้ำไม่ทำงาน น้ำย าหล่อเย็นข า ด หรือ รั่ว เป็นต้น ควรที่จะตรวจสอบรถของคุณโดยเร็ว ไม่ควรฝืนใช้รถต่อ เพราะอาจจะทำความ เ สี ย ห า ย อย างหนักให้เครื่องยนต์ได้
9 สัญญาณถุงลมนิรภั ย
สัญญาณนี้ เป็นการเช็คถุงลมนิรภั ยของระบบตัวรถ จะขึ้น มาค้างประมาณ 5 วินาทีหลังสต าร์ทรถ แต่ถ้าหลังจากสต าร์ทเครื่องแล้วยังไม่ยอมห า ย นั่นหมายถึงถุงลมนิรภั ยอาจจะไม่ทำงาน ควรเอารถเข้าอู่หรือศูนย์บริการเพื่อตรวจสอบการทำงาน เพื่อความปลอ ดภั ยในการใช้รถ หากเกิดเหตุฉุ ก เ ฉิ ก
สัญลักษณ์เหล่านี้เป็นเพียงตัวอย างบางส่วนที่เราสามารถพบเจอได้อยู่บ่อยๆ ของสัญญาณเตือนในรถ ซึ่งในรถบางรุ่นอาจมีสัญลักษณ์พิเศษแบบอื่นๆด้วย สามารถดูได้จากคู่มือ การใช้งานรถเพิ่มเติม หากเกิดการแจ้งเตือนขึ้น จะได้รู้สาเหตุและวิธีแก้ไขปัญหาที่ถูกต้อง และ ทันเวลา เพื่อให้คุณดูแลรถได้อย างดี และ ประหยัดค่าใช้จ่ายในการบำรุงรั ก ษ ามากขึ้น
ที่มา : bitcoretech