วันนี้เราจะพาเพื่อนๆ ไปเรียนรู้วิธีการปฏิเสธคนขอยืมเงิน แบบที่ไม่ต้องกลัวเขาเสียใจ กับบทความ 6 แนวคิดปฏิเสธคนขอยืมเงิน โดยไม่เสียมิตรภาพ ไปดูกันว่าจะต้องทำอย่ างไรบ้าง เพื่อให้เงินของเรายังคงอยู่ และเขาเอากก็ไม่ตัดมิตรไมตรีเรา

1 ให้ยืมแบบไม่หวังได้คืน
ถ้าจนแล้วจนรอ ด ยังไงก็รู้สึกว่า คนนี้เราต้องช่วยจริงๆ ไม่ให้ไม่ได้จริงๆ ลองหาเหตุผลการให้ แบบที่เราคิดเสียว่า ให้เงินเป็นของขวัญไปเลย เช่น ใกล้วันเกิดของคนยืมเงินคนนี้ ก็ให้เงินเขาแล้วบอ กไปเลยว่า ‘ฉัน มีแค่นี้แหละ ถือว่าให้เป็นของขวัญวันเกิดแล้วกันนะ’ ให้เท่าที่เราไม่เดือ ดร้อน ถึงแม้จะไม่เต็มจำนวนที่เขาต้องการ แต่อย่ างน้อยก็ช่วยแบ่งเบาได้บ้าง
2 แสดงออ กชัดเจน ว่าเราไม่ให้ยืมเงิน
วิธีรับมือคนขอยืมเงิน วิธีแรก บอ กให้ชัดเจนไปเลยว่า เราไม่ให้ใครยืมเงินทั้งนั้น ไม่ว่าจะเป็นเพื่อน หรือญาติพี่น้อง เมื่อเราชัดเจนว่าไม่ให้ใครยืมเงินตั้งแต่แรก มันก็ง่ายที่จะปฏิเสธ โดยไม่จำเป็นต้องมีข้ออ้าง หรือเหตุผลอะไรอีก
วิธีนี้เหมาะกับคนที่มีวินัย ในการใช้ชีวิตระดับหนึ่งนะคะ คือ พึ่งพาตัวเองเป็น รู้จักดูแลตัวเอง เพราะถ้าเราไม่ให้ใครยืม เราก็ไม่ควรจะไปยืมเงิน หรือไหว้วานคนอื่นเช่นกันค่ะ

3 พูดตรงๆ และสั้นๆ
ตอนปฏิเสธคนที่มายืมเงิน ไม่ต้องอธิบายสถานะทางการเงินของเรา เช่น ตอนนี้ฉัน มีแพลนใช้เงินเรียนต่อ ป.โท ด้านบริหารธุรกิจ ฉันจะเอาเงินไปศัลยก รร มที่เกาหลี ฯลฯ ไม่ให้ก็คือไม่ให้ คนยืมเขาอย ากได้แค่เงิน ไม่ได้ต้องการคำอธิบายอะไรทั้งนั้น และเป็นสิทธิ์ของเราด้วยที่จะไม่พูด แต่ถ้ากลัวว่าบทสนทนาจะตัดรอนกันเกินไป
ลองปฏิเสธอย่ างสุภาพแบบนี้ดูค่ะ ‘ฉัน มีเงินแทบไม่พอใช้เลยช่วงนี้’ ‘ขอโทษนะ ตอนนี้ฉันก็ยืมคนอื่นอยู่เหมือนกัน’ ประโยคเหล่านี้ตรงไปตรงมา แต่ไม่หย าบ ไม่ห้วน ไม่ตัดรอนจนเกินไป และช่วยปิดช่องไม่ให้คนอื่น มาขอยืมเงินอีกในอนาคต ให้จำไว้เสมอว่า มันเป็นเงินของเรา เราไม่จำเป็นต้องอธิบายสถานะ หรือวิธีการใช้เงินของเรากับใคร โดยเฉพาะคนที่จะยืมเงินเรา
4 ขอเวลาตัดสินใจ
บางกรณีก็ย ากจริงๆ ที่จะพูดว่า ให้ยืมเงินไม่ได้ เช่น เพื่อนสนิท ญาติ หรือคนในครอบครัว ที่ต้องเจอหน้ากันทุกวัน ถ้ารู้สึกถูกต้อนให้จน มุม ลองขอเวลาคนยืมเงินว่า ‘ขอฉันคิดดูก่อนนะ การยืมเงินเป็นเรื่องใหญ่ค่ะ’ พวกเขาเองก็รู้ดี ไม่งั้นคงไม่บากหน้ามาขอยืมเงิน ถ้าคน มีมารย าทจริงๆ จะเข้าใจว่า
คนถูกยืมมีสิทธิ์คิดได้ว่า จะให้ยืมเงินดีหรือไม่ และเมื่อเราพูดว่า ‘ขอคิดดูก่อน’ นั่นหมายถึง การเปิดโอกาส การให้ความหวังคนที่มายืมนะคะ ดังนั้น ต้องบอ กพวกเขาด้วยว่า ขอเวลานานแค่ไหน แล้วกลับไปคิดให้รอบคอบว่า เรามีเงินพอจะให้ยืมหรือไม่ ให้เวล า ยืมได้นานแค่ไหน แล้วถ้าเขายืมเงินไม่คืน จะมีผลกระทบกับความสัมพันธ์แค่ไหนด้วย

5 เสนอความช่วยเหลือในรูปแบบอื่น
นอ กจากพูดว่า ‘ไม่’ เราสามารถช่วยเหลือ คนที่มายืมเงินในรูปแบบอื่นได้ เช่น ถ้าพวกเขาไม่มีเงิน เพราะไม่มีงานทำ ก็ช่วยหางานให้พวกเขาทำ ทำอาหารเผื่อพวกเขา พวกเขาจะได้ประหยัดเงินค่าอาหาร หรือหาวิธีกู้เงินทางอื่นให้พวกเขาแทน เช่น กู้เงินธนาคาร เป็นต้น แต่ส่วนใหญ่แล้ว คนที่มาขอยืมเงินเรา ถ้าไม่ได้เงิน พวกเขาอาจไม่ต้องการวิธี หรือความช่วยเหลือแบบอื่น เราควรดูท่าทีของพวกเขาก่อนจะให้คำแนะนำด้วย
6. ไม่เปิดเผยข้อมูลทางการเงินของตัวเอง
ถ้าต้องการลดแรงกดดัน หรือโอกาสที่คนยืมเงินจะแวะมาเยี่ยมเยียนเรา การไม่เที่ยวบอ กใครว่า ได้เงินเดือนเท่าไหร่ มีเงินเก็บที่ไหนบ้าง มีท รั พ ย์สิน ห นี้สินเท่าไหร่ คือสิ่งที่เราควรทำ ถ้ามีใครถามเรื่องเงิน อาจจะพูดแบบกลางๆ ว่า ‘ก็พออยู่ได้จ้ะ’ หรือ ‘พอมีพอ กิน’ อย่ าบอ กตัวเลขโต้งๆ ว่า ‘ฉัน มีเงินสำรองฉุกเฉินในบัญชีสามล้านบาท’ เพราะมันจะกล า ยเป็นสัญญาทางสังคมรอบตัวเราทันทีว่า
เงินฉุกเฉินนี้ อาจหมายถึง มีพอให้คนอื่นขอยืมตอนฉุกเฉินก็เป็นได้ ก่อนจากกัน จำไว้อย่ างหนึ่งว่า เรื่องเงินไม่เข้าใครออ กใคร ไม่ว่าจะเป็นคนใกล้ตัวหรือไกลตัว ดังนั้น ถ้าไม่อย ากเจอเคสโดนยืมเงินไม่คืน ก็อย่ าด่วนปากเร็ว ตัดสินใจเร็ว และเราต้องเก็บหลักฐานทุกครั้ง ตอนให้คนอื่นยืมเงิน ไม่ว่าจะมากหรือน้อยก็ต าม
ที่มา s h o p b a c k, a a n p l e a r n