
วันนี้เราจะพาคุณไปดูสัญลักษณ์ไฟเตือนบนหน้าปัดรถยนต์ที่ขึ้นเตือนคุณ กับ 6 สัญลักษณ์ไฟบนหน้าปัดรถ ฝืนใช้ต่อไปรถพังแน่ ไปดูกันว่ามีสัญลักษณ์อะไรขึ้นเตือนให้คุณรีบตรวจสอบสภาพรถของคุณทันที
ในการขับขี่รถยนต์ สิ่งสำคัญคือ ความพร้อมของรถยนต์ ที่ต้องคอยตรวจเช็คเป็นประจำอย่ างสม่ำเสมอ หากมีอะไรผิดปกติจะได้ทำการแก้ไขได้ทันก่อนนำไปใช้งาน และสัญญานไฟแจ้งเตือนต่างๆบนหน้าปัดรถ
ก็เป็นตัวบ่งบอ กได้เป็นอย่ างดี หากกำลังมีอะไรผิดปกติที่รถของเรา ดังนั้นเราควรจะรู้ความหมายของสัญญาณแต่ละอันที่โชว์บนหน้าปัดว่าหมายถึงอะไรบ้าง สำหรับวันนี้เราจึงได้นำ 6 สัญลักษณ์ที่สำคัญบนหน้าปัดรถยนต์ มาให้ทุกคนได้ทราบกัน
1) สัญลักษณ์ มาตรวัดความร้อนเครื่องยนต์
สำหรับสัญลักษณ์ที่เหมือนกับปรอทแล้วมีคลื่นน้ำนี้ เป็น มาตรวัดที่บอ กความร้อนในตัวเครื่องยนต์ อาจจะเป็นแบบเข็ม หรือแบบดิจิตอล ซึ่งแบบเข็มไม่ควรให้เกินครึ่ง แต่ถ้าเป็นแบบดิจิตอล แล้วปรากฎสัญลักษณ์นี้ควรหาที่จอ ดและดับเครื่องเพื่อตรวจสอบหาสาเหตุทันที
ส่วนใหญ่จะเกิดจากการเตือนความผิดปกติของระบบระบายความร้อนของเครื่องยนต์ เช่น น้ำย าหล่อเย็น ข า ด รั่ว หรือพัดลมหม้อน้ำไม่ทำงาน และไม่ควรฝืนใช้รถต่อ เพราะจะทำให้อุณหภูมิในเครื่องยนต์ร้อนสูงเกินขีดจำกัด จนทำให้เครื่องยนต์เสียห า ยได้
2) สัญลักษณ์ เครื่องยนต์
หากพบว่าสัญญาณนี้โชว์ขึ้น มา นั่นแสดงถึงปัญหาเกี่ยวกับระบบรถยนต์ ซึ่งเป็นไปได้หล า ยอย่ าง เช่น สายพานเกินระยะกำหนด, ตัว ECU มีปัญหา หรือ ค่าอ็อ กซิเจนผิดปกติ เป็นการแจ้งความผิดปกติหล า ยอย่ างที่ทำงานได้ไม่สมบูรณ์ ดังนั้นควรลดความเร็วรถลง แล้วนำรถเข้าตรวจสอบที่ศูนย์บริการทันที เพื่อป้องกันการเสียห า ยของเครื่องยนต์ หรือหากใครไม่มั่นใจ ก็ให้หาที่จอ ดทันที แล้วเรียกรถยกแทน
3) สัญลักษณ์ ไฟ ABS
ABS คือระบบช่วยไม่ให้ล้อล๊อ กเวลาเบรคกระทันหัน จนรถเสียการทรงตัวไถลไปต ามพื้นถนน เป็นการช่วยลดโอ กาสที่รถจะพลิกคว่ำ หากพบว่าสัญญาณนี้โชว์ขึ้น มา แสดงว่า รถของคุณกำลังมีปัญหาเกี่ยวกับระบบป้องกันล้อล็อ กขณะเบรก แต่ระบบเบรกยังใช้งานได้ปกติอยู่ แต่หากเกิดการเบรกกระทันหัน ระบบ ABS เบรกอาจจะไม่ทำงาน ก็ให้นำรถเข้าตรวจสอบ
4) สัญลักษณ์ เบรก
หากเห็นเครื่อหมายตกใจกลางวงกลม หรือ เบรค ปรากฎขึ้นที่หน้าปัดรถ จะเป็นไปได้ 2 กรณีคือ เราอาจจะดึงเบรกเบรกมือ หรือลดเบรกมือลงไม่สุด ทำให้ปรากฎสัญลักษณ์นี้ขึ้น แต่หากดึงขึ้น หรือลดจนสุดแล้วแต่ยังไม่ดับ ก็อาจจะเป็นเพราะว่า น้ำมันเบรกลดลงต่ำกว่าระดับปกติ แต่สำหรับรถบางรุ่นก็จะแยกกันระหว่างระบบเบรกกับเบรกมือ
5) สัญลักษณ์ ไฟรูปกาน้ำมันเครื่อง
หากเห็นสัญลักษณ์นี้ขึ้นที่หน้าปัดรถเมื่อไหร่ ให้รีบหาที่จอ ดรถให้เร็วที่สุด หากฝืนใช้ต่อไป รถของคุณอาจจะพังได้ เพราะมันแสดงถึง การที่น้ำมันเครื่องในเครื่องยนต์มีต่ำมากจนไม่สามารถไปหล่อเลี้ยงเครื่องยนต์ได้อย่ างทั่วถึง หรือถึงขั้นน้ำมันเครื่องแห้งมาก ควรจอ ดรถและรอจนเครื่องยนต์เย็น จากนั้นก็ให้ตรวจสอบระดับน้ำมันเครื่อง แล้วเติมให้อยู่ในระดับปกติทันที
6) สัญลักษณ์ แบตเตอรี่
หลานคนก็มักจะเข้าใจผิดอยู่บ่อยๆ ว่าสัญลักษณ์นี้หมายถึง แบตเตอรี่เสื่อม ซึ่งจริงๆแล้วมันเป็นการแสดงว่า ไดร์ช าร์จกำลังทำงานผิดปกติ หรือแหล่งกำเนิดไฟของรถมีความผิดปกติ อาจจะเป็นเพราะไดร์ช าร์จเสีย ไดร์ช าร์จไม่ทำงาน หรืออาจจะไม่มีการจ่ายไฟเข้าใช้งานในระบบรถยนต์
และถ้าเรายังฝืนใช้รถไปเรื่อยๆ ก็อาจจะทำให้ระบบไฟฟ้าทั้งหมดในรถยนต์ไม่ทำงาน ดังนั้นควรรีบนำรถเข้าศูนย์เพื่อตรวจสอบและแก้ไขให้เรียบร้อยโดยเร็ว
ซึ่งนอ กจากสัญลักษณ์ทั้ง 6 อย่ างนี้ที่เราได้หยิบยกมาให้ทุกคนได้ทราบกัน ก็ยังมีสัญลักษณ์อื่นๆที่มีความสำคัญไม่แพ้กันที่คนขับรถควรศึกษาและทราบไว้เช่นกัน นอ กจากนี้ เราจะสังเกตเห็นว่า สัญญาณไฟเตือนบนหน้าปัดรถนั้น ไม่ได้มีแค่สีเดียว แต่มีหล า ยสี และมีความสำคัญที่แตกต่างกันไป มาดูกันว่าไฟเตือนแต่ละสีมีความหมายว่าอย่ างไร
1) ไฟเตือนสีแดง หมายถึง การเตือน ‘ที่มีความเสี่ยงจะเกิดอันตราย’ ถ้าเห็นสัญลักษณ์ที่เป็นสีแดง ควรรีบหยุดรถ และตรวจสอบทันที เช่น ดึงเบรคค้างไว้ ปิดประตูไม่สนิท ไดช าร์จไม่ทำงาน เป็นต้น
2) ไฟเตือนสีเหลือง หมายถึง การเตือน ‘ให้ระวัง’ แต่รถยังสามารถวิ่งต่อไปได้ เช่น ระบบป้อกันล็อ กล้อไม่ทำงาน ระบบควบคุมการทรงตัวไม่ทำงาน เตือนน้ำมันใกล้จะหมดถัง เป็นต้น
3) ไฟเตือนสีเขียว หมายถึง การเตือนให้รู้ถึง ‘สถานะ’ ว่ากำลังใช้งานอยู่ เช่น กำลังเปิดไฟเลี้ยง เปิดไฟตัดหมอ ก เปิดไฟหน้ารถ เป็นต้น
4) ไฟเตือนสีน้ำเงิน หมายถึง การเตือนให้รู้ว่าสิ่งนั้น ‘ยังไม่ควรใช้อย่ างเต็มประสิทธิภาพ’ เช่น สัญลักษณ์เตือนเปิดไฟสูง หรือสัญลักษณ์เตือนเครื่องยนต์ยังเย็นอยู่ เป็นต้น
ที่มา : bitcoretech