
วันนี้เราอย ากที่จะพาเพื่อน ๆ ไปเรียนรู้วิธีการออมเงิน ฉบับคนทำงานประจำและเก็บเงินไม่เก่ง กับบทความ 5 วิ ธีออมเ งิ น ให้มีเงินเก็บเป็นก้อน ก่อนสิ้นปี คนเก็บเ งิ นไม่เก่งก็ทำได้ ไปดูกันว่าเราจะต้องทำอย่ างไรบ้าง
เชื่อว่าหล ายคนน่าจะเป็นกัน เริ่มต้นปีใหม่ทีไรก็จะตั้งปณิธาน ให้ตัวเองว่า ‘ปีนี้ ฉันจะ…’ ซึ่งหล ายคนก็ประกาศอย่ างเป็นทางการบน เ ฟ ซ บุ๊ ก แล้วพอสิ้นปีก็กลับพบว่า ยังทำไม่ได้ New Year Resolution ที่มักพบบ่อยๆ อาทิ ‘ปีนี้ ฉันจะลดน้ำหนัก’ ‘ปีนี้ ฉันจะกินคลีน’ ‘ปีนี้ ฉันจะคิดบวก’ ฯลฯ และหนึ่งในปณิธานอันดับต้นๆ ที่หล ายคน มักตั้งใจ ว่าจะทำให้ได้ แต่สุดท้าย ก็ยังทำไม่ได้ นั่นคือ ‘ปีนี้ ฉันจะเก็บเงินให้ได้มากๆ’ เราขอแนะนำ 5 วิธีการเก็บเงิน มาให้เลือ กใช้ต าม กำลังท รั พ ย์และความชอบ เผื่อว่าอานิสงส์ของการปฏิบัติ จะทำให้สิ้นปีนี้ฝันข้อนี้ ของหล ายๆ คนจะกล ายเป็นจริง…
1 ลด-ละ-เลิก
จริงๆ แล้ววิธีนี้ ถือเป็นเครื่องมือ ที่จะช่วยให้กำลังใจตัวเองในการทำต ามปณิธาน หรือ New Year Resolution ข้ออื่นให้สำเร็จ เช่น ลด-ช าไข่มุกวันละ 1 แก้ว, ละ- ช า บู อาทิตย์ 1 ครั้ง และ เลิก-ซื้ อ ห ว ย / ลอตเตอรี่ หรือเลิก บุ ห รี่ จากนั้นก็ให้นำเงินที่ได้จากการ ลด-ละ-เลิก มาเก็บใส่กระปุก พอครบเดือน ลองออ กมานับ จำนวนเงินเก็บที่นับได้จะกล ายเป็นกำลังใจ ในการ ลด-ละ-เลิก ซึ่งจะช่วยให้คนที่ตั้ง New Year Resolution ว่า ‘ปีนี้ ฉันจะผอม’ ‘ปีนี้ ฉันจะสุขภ าพดี’ เป็นจริงเร็วขึ้นด้วย
2 เก็บ ‘เหรียญสิบ’ ต ามเลขวัน
วันที่ 1 ให้หยอ ดเหรียญสิบ 1 เหรียญ วันที่ 2 หยอ ด 2 เหรียญ …วันที่ 10 หยอ ด 10 เหรียญ หรือจะเปลี่ยน เป็นหยอ ด ‘แบงก์ร้อย’ แทนก็ได้ ทำอย่ างนี้ไปเรื่อยๆ จนวันที่ 30 ก็หยอ ดไปเลย 30 เหรียญ หรือใส่กระปุกไป 300 บาท พอสิ้นเดือน คุณก็จะมีเงินเก็บ 4,650 บาทในเดือนที่มี 30 วัน และ 4,960 บาท สำหรับเดือนที่มี 31 วัน แล้วพอสิ้นปี คุณจะมีเงินเก็บอย่ างน้อย 55,800 บาท
3 หัก 10% ลด 10%
หลักการข้อนี้ ฟังดูเหมือนง่าย แต่ปฏิบัติจริงย ากมาก ต้องอาศัยวินัยขั้นสูง!!! เหมาะสำหรับคนที่ชอบความท้าทายและมุ่งมั่นตั้งใจ ที่จะลดค่าใช้จ่ายและเก็บ เงินอย่ างจริงจัง สำหรับหลักการคือ ‘หัก 10%’ คือทุกครั้งที่มีรายรับเข้ามา ให้หัก 10% ของเงินก้อนนั้น เก็บใส่กระปุกหรือบัญชี ส่วน ‘ลด 10%’ คือ ให้ลดค่าใช้จ่ายอย่ างน้อย 10% ทุกครั้งที่จะจ่าย เช่น เคยซื้ อเสื้อผ้าครั้งละ 2,000 บาท ก็ลดเหลือ 1,800 บาท หรือเคยซื้ อ กาแฟใส่ทอปปิ้ง ต่างๆ จนร า ค าแก้วละ 150 บาท ให้ลดทอปปิ้ง 1 อย่ าง ประหยัดได้ 15 บาท แล้วนำเงินที่ลดได้ทั้งหมดไปสมทบกับเงินเก็บก้อนแรก วิธีนี้ พอสิ้นเดือนที่คุณนำเงินเก็บก้อนโต ออ กมานับ นอ กจากจะปลื้มใจ กับเงินที่เก็บได้ คุณยังจะภูมิใจกับค่าใช้จ่ายที่คุณลดลงได้ด้วย
4 เก็บ ‘แบงก์ 50 บาท’ ทุกใบที่ได้รับ หรือเก็บทุกแบงก์ที่ลงท้ายด้วยเลขท้ายของวันเกิด
วิธีนี้ไม่มีอะไรซับซ้อน ต้องอาศัยโชคและความซื่อสัตย์ ต่อตนเองเท่านั้น ทั้งในเรื่อง ของการเก็บและการไม่แอบเอาออ กมาใช้! จากการสำรวจคนรอบตัว ที่ใช้วิธีนี้พบว่า พอตั้งปณิธานว่าจะเก็บ ‘แบงก์ 50’ เท่านั้นแหละ ก็มักจะได้แบงก์ 50 มาบ่อยๆ หล ายคนพอสิ้นปีถึงกับตกใจ เพราะเก็บได้มากถึง 400-600 ใบ หรือประมาณ 20,000-30,000 บาทเลยทีเดียว แต่สำหรับคนที่เทพเจ้าแห่งการออมไม่เข้าข้าง ก็อาจจะตั้งปณิธานเป็น ‘เก็บทุกแบงก์ที่ลงท้ายด้วยเลขท้ายของวันเกิด’ เช่น เกิดวันที่ 25 ก็เก็บทุกแบงก์ที่ลงท้าย ด้วย 5 ไม่ว่าจะเป็นแบงก์ 20 แบงก์ 500 หรือแบงก์ 1,000 (ยกเว้น เป็นแบงก์ 1,000 บาทสุดท้ายของเดือน ก็อาจอนุโลมให้ได้) วิธีนี้จะบอ กได้ย ากว่า ณ สิ้นเดือนหรือสิ้นปี คุณจะเก็บได้เท่าไร เพราะขึ้นอยู่กับโชคชะต า และความซื่อสัตย์ของคุณล้วนๆ
5 S I X J a r s หรือ ‘6 กระปุก ห มู สู่ฝัน’
วิธีนี้ เหมาะมากสำหรับมนุษย์เงินเดือน โดยเฉพาะคนที่อย ากเริ่มต้นเป็นนักวางแผนการเงิน เพราะต้องอาศัยการทำการบ้าน อย่ างหนักในการออ กแบบ 6 กระปุกว่าจะประกอบด้วย ‘เป้าหมายการใช้เงิน’ อะไรบ้าง และในสัดส่วนเท่าไรที่จะเหมาะสม พื้นฐานสำหรับคนที่อย ากเริ่มต้นเก็บเงิน แต่ยังไม่รู้ว่าจะออ กแบบ
6 กระปุกอย่ างไร โดยประกอบด้วย
กระปุกที่ 1 Living Expenses หรือ กระปุกค่าใช้จ่ายในแต่ละเดือน โดยให้หักเก็บไว้ก่อน ตั้งแต่เงินเดือนออ ก หลังจากนั้นค่าใช้จ่ายประจำเดือนให้ใช้เงินจากในกระปุกนี้เท่านั้น สำหรับสัดส่วนที่เหมาะสมขึ้นอยู่กับความจำเป็นในการใช้และความสามารถ ในการประหยัดของแต่ละคน ซึ่งค่าเฉลี่ยที่เหมาะสมอาจจะอยู่ระหว่าง 50-55%
กระปุกที่ 2 Retirement หรือ กระปุกเพื่อวัยเกษียณ ถือเป็นเงินออมระยะย าว
โดยสัดส่วนที่เหมาะสมก็ขึ้นกับจำนวนเป้าหมาย ที่ต้องมีหลังเกษียณ และระยะเวลาทำงานที่ยังเหลือ แต่ถ้าไม่อย ากคิดมากและไม่ลำบากเกินไป ก็อาจจะหักไว้ 10% ของเงินเดือน คำแนะนำพิเศษ สำหรับเงินก้อนนี้คือ แทนที่จะนำเงินก้อนนี้ไปใส่กระปุกจริงๆ อาจเปลี่ยนไปซื้ อ RMF, SSF หรือ กองทุนรวม อื่นๆ เพื่อให้ได้ผลตอบแทนที่ดีกว่า
กระปุกที่ 3 B i g Goal หรือ กระปุกสานฝันใหญ่ ถือเป็นกระปุก ที่ต้องมีการวางแผนระยะย าว
เพราะฝันใหญ่มักใช้เงินเยอะ เช่น ไปเที่ยวต่างประเทศ หรือซื้ อรถ เป็นต้น สำหรับสัดส่วนก็ขึ้นอยู่กับค่าใช้จ่ายที่จะเกิดขึ้น กับระยะเวลาในการเก็บเงิน แต่ถ้าคุณยังไม่มีฝันใหญ่ เป็นชิ้นเป็นอันก็อาจจะเลือ กเก็บไปเรื่อยๆ ที่สัดส่วน 10-15% …ข้อ ดีของกระปุกนี้คือ จะทำให้เราทำต ามความฝัน โดยไม่ต้องเป็นห นี้
กระปุกที่ 4 Have Fun หรือ กระปุกเพื่อสันทนาการและปรนเปรอตนเอง เ
รียกว่าเป็นกระปุก ‘แก้เซ็ง’ ก็ว่าได้ เอาไว้จ่ายเพื่อสนองความอย าก หรือให้รางวัลตัวเองเล็กๆ น้อยๆเช่น ซื้ อเสื้อผ้า, ไปกินดื่มกับเพื่อนฝูง ฯลฯ หรือค่าใช้จ่ายเพื่อความสุขส่วนตัว ที่อยู่นอ กเหนือจากค่าใช้จ่ายในแต่ละเดือน
กระปุกที่ 5 Life-long Learning หรือ กระปุกเพื่อพัฒนาตนเอง เพราะยุคนี้
เป็นยุคที่คนทำงาน อย่ างเราต้องอยู่ร่วมกับเทคโนโลยีและ AI ให้ได้ จึงต้องมีการ R e s k i l l – U p s k i l l ตลอ ดเวลา ดังนั้น ค่าใช้จ่ายตรงนี้ อาจหมายถึงการซื้ อหนังสือ ซื้ อค อ ร์ ส หรือไป Workshop ต่างๆ โดยสัดส่วนจะเป็นเท่าไร ก็แล้วแต่ความชอบของแต่ละคน
กระปุกที่ 6 Charity หรือ กระปุกออมบุญ เอาไว้สำหรับ บ ริ จ า ค
หรือใช้กิจก ร ร มทำบุญต่างๆ นานา หรือบางคนอาจเปลี่ยนชื่อ กระปุกนี้ เป็น Sharing แล้วเก็บเงินไว้สำหรับเอาไปให้พ่อแม่แทนก็ได้
ต้องย้ำว่า ทั้ง 6 กระปุกที่ยกมาเป็นเพียงไอเดียตัวอย่ าง ในการวางแผนการ เงินในแต่ละเดือน ซึ่งบางกระปุกสำหรับบางคนอาจไม่จำเป็น หรือบางคนอาจอย าก มีมากกว่า 6 กระปุก ก็สามารถทำได้ โดยไปปรับสัดส่วนของแต่ละกระปุกต ามความเหมาะสม โดยหนึ่งในกระปุกที่ควรมีเพิ่ม เช่น ‘กระปุก ย า ม ฉุ ก เ ฉิ น’ ไว้สำหรับเป็นค่าใช้จ่าย ฉุ ก เ ฉิ น เช่น เข้าโรงพย าบาล หรือมีกระปุกเพิ่ม เช่น ‘กระปุกเพื่อจ่าย ป ร ะ กั น’ เป็นต้น หลักปฏิบัติสำคัญสำหรับข้อนี้คือ
(1.) อย่ าใช้เงินในกระปุกผิดวัตถุประสงค์ และ
(2.) ควรออ กแบบกระปุกและสัดส่วนให้เรียบร้อย
แล้วทำให้ได้ต ามนั้น อย่ าเพิ่มหรือลดสัดส่วน และกระปุกไปมาระหว่างปฏิบัติ โดยอาจกำหนดให้สามารถทบทวนสัดส่วนหรือเป้าหมายของแต่ละกระปุก 3-6 เดือนครั้ง
ที่มา profession-j55