
วันนี้เราอย ากที่จะพาเพื่อนๆ ไปเรียนรู้ข้อคิดการใช้ชีวิตของคนร ว ย กับบทความ หลักคิดของคนร ว ย ที่คนจนไม่มีวันเข้าใจ ไปดูกันว่าคนร ว ยมีหลักคิดอย่ างไรบ้าง
การคิดแบบคนอื่นทั่วๆ ไป อาจทำให้เรามีเงินเก็บมากขึ้น แต่ยังห่างไกลคำว่าร ว ยอยู่มากโข วิธีคิดของคนร ว ยที่จะมาแนะนำนี้ เป็นวิธีคิดที่ล้ำ แปลก แหวกแนว แต่ทำให้เราร ว ยขึ้น ถ้านำไปปรับใช้ได้ถูกวิธี ลองมาดูวิธีคิดของคนร ว ยกันบ้าง ว่าเขามีวิธีผลิตเงินอย่ างไร
ใครๆ ก็เป็นคนร ว ยได้
คนร ว ยคิดว่าใครก็เป็นคนร ว ยได้ทั้งนั้น ไม่จำเป็นต้องมีพรสวรรค์หรือเรียนสูงก็ทำได้ ถ้าอย ากเป็นคนร ว ย ต้องเปลี่ยน มโนภาพทางการเงินให้เป็นบวก คิดเสียว่าเราเป็นคนที่ร ว ยแล้ว ถ้าอย ากร ว ยแต่ยังพูดถึงเรื่องความต่างทางฐานะ เสพติดเรื่องความจนหรือความเป็นผู้ด้อยกว่า ความสำเร็จก็จะอยู่ไกลเกินเอื้อมอย่ างแน่นอน เริ่มต้นแบบเบาๆ ด้วยการจินตนาการภาพอนาคตที่มีความสุข คิดภาพตัวเองสวมใส่เสื้อผ้าดีๆ ภาพตัวเองกำลังนั่งอยู่บนรถยนต์ร า ค าแพง อาศัยอยู่ในบ้านหลังโต มีสระว่ายน้ำ ลองวาดภาพชีวิตในอนาคตว่าเราคือคนร ว ย แล้วสิ่งแวดล้อมที่ห้อมล้อมเราอยู่จะเปลี่ยนไป
ไม่เก็บเงินอย่ างเดียว
คนร ว ยจะคิดว่าการใช้เงิน สำคัญพอๆ กับการเก็บเงิน ถ้าเอาแต่เก็บอย่ างเดียวอาจเกิดผลข้างเคียงได้ เพราะการไหลของเงินถูกปิดกั้น ไม่ว่าจะเป็นตอนใช้เงิน เก็บเงิน หรือลงทุน เขาจะคิดถึงคุณค่าในอนาคตของมันเสมอ บางครั้งเราอาจเห็นคนที่ใช้เงินซื้ อของแพงๆ มาใช้ เป็นเพราะพวกเขามั่นใจในระยะย าวแล้วว่า เขาจะได้รับคุณค่ามากกว่านั้น ดังนั้น อย่ ามัวแต่ค่อนแคะว่าทำไมถึงซื้ อคอมพิวเตอร์แพงๆ เป็นแสน มาใช้ โดยไม่รู้ว่าเขาสามารถใช้มันหาเงิน ได้มากเท่าไหร่จากของสิ่งนั้น จงคิดว่าเราจะใช้เงินอย่ างไร ถึงจะได้ผลลัพธ์ระยะย าวที่คุ้มค่าคืน มามากกว่า
ดูแลกระเป๋าเงินให้ดี
สำหรับคนร ว ย กระเป๋าเงินคือที่พักของเงิน จึงต้องดูแลให้ความสำคัญเท่าๆ กับเงิน เมื่อพวกเขาเห็นกระเป๋าเงินที่เต็มไปด้วยใบเสร็จรับเงิน หรือธนบัตรที่ไม่จัดเรียงให้เรียบร้อย เขาจะรู้สึกหงุดหงิด เหมือนกับคนเจ้าระเบียบที่เห็นของต่างๆ ในบ้านไม่เรียบร้อย อย่ าแปลกใจที่เห็นพวกเขาลงทุนซื้ อ กระเป๋าเงินแพงๆ มาใช้ เพราะมันคงทน และเป็นที่เก็บรั ก ษ าเงินชั้นดีนั่นเอง
ไม่กดเงินบ่อย
การกำหนดช่วงเวลาและจำนวนเงินอย่ างคงที่ ในการกดเงินจากตู้เอทีเอ็ม เป็นหนึ่งในนิสัยการจัดการเงินของคนร ว ย ที่ทำให้รู้ตั้งแต่รายได้ของเดือนหนึ่งเข้ามา จนถึงวันที่รับรายได้ของเดือนถัดไป ว่าเรากดเงินจากบัญชีไปบ่อยมากแค่ไหน พวกเขาจะกดเงินเดือนละครั้งสองครั้งพอ เพื่อควบคุมการใช้จ่ายของตัวเอง การกดเงินยิบย่อยครั้งละ 500 ไม่เคยอยู่ในหัว เพราะเขาคิดว่าการกดเงินทีละน้อย จะทำให้ไม่รู้ตัวว่ากดเงินใช้ไปแล้วกี่บาท และควบคุมย ากขึ้นด้วย ลองเปรียบเทียบดูสักเดือนหนึ่ง กดเงินใช้ทีละน้อยแต่ถี่ กับกดเงินทีละมากๆ แต่น้อยครั้ง แบบไหนจะทำให้เราควบคุมเงินได้บัญชีได้ดีกว่ากัน
ลงทุนกับสุขภาพ
เรื่องสุขภาพสำหรับคนร ว ยนั้นเป็นเรื่องใหญ่พอๆ กับการหาเงิน พวกเขาจะเจียดเวลามาออ กกำลังกายเสมอแม้งานจะยุ่งเพียงใด เพราะเขารู้โดยสัญช าตญาณว่า สุขภาพคือท รั พ ย์สินที่ต้องรั ก ษ าไว้ และอย่ างที่รู้กันว่าสุขภาพถ้าเสียไป เอากลับมาไม่ได้อย่ างแน่นอน การออ กกำลังกายวันละ 15-30 นาที ก็เพียงพอแล้วหากทำทุกวัน การเต้นแอโรบิก ช่วยให้ภูมิคุ้นกันดีขึ้น และลดการเกิดโ ร ค ตลอ ดจนเพิ่มความสามารถในการจดจำด้วย ทำให้เลือ ดไปเลี้ยงสมองดีขึ้น และช่วยกระตุ้นการทำงานของสมอง นี่คือสิ่งที่ช่วยดูแลสมองให้สุขภาพดี พร้อมลุยงานต่างๆ มากขึ้น
จัดบ้านให้เป็นระเบียบ
บ้านของคนร ว ย จะมีของน้อยชิ้น ถูกจัดวางไว้อย่ างเป็นระเบียบและสะอาด การมีข้าวของวางอย่ างไม่เป็นระเบียบและรก จะทำให้เงินทองไหลเข้ามาไม่ได้ ถัดมาเป็นเรื่องห้องน้ำ ห้องน้ำเป็นสถานที่ที่แสดงให้เห็นลักษณะเฉพาะของบ้านนั้นๆ ลองสังเกตบ้านที่เก็บเงินได้ จะเห็นว่าห้องน้ำถูกรั ก ษ าให้สะอาดอยู่เสมอ เพราะห้องน้ำคือสถานที่ที่ความมั่งคั่ง สามารถไหลออ กไปได้โดยง่าย สไตล์การใช้ชีวิตของคนเก็บเงินเก่ง เรียกสั้นๆ ว่า มินิมัลลิสต์ ข้าวของที่อยู่รอบตัว ล้วนเป็นสิ่งที่จำเป็น ไม่ใช่ของที่อย ากได้ พวกเขารู้ว่าวัตถุอะไรอยู่ตรงไหน จึงรู้ด้วยว่ามีอะไรเหลืออยู่ และไม่ไปซื้ อสิ่งที่ไม่จำเป็น มา
ตั้งเป้าหมายที่เป็นไปได้
คนร ว ยจะกำหนดเป้าหมายที่เป็นไปได้ และสัมผัสประสบการณ์ความสำเร็จไปทีละขั้น แล้วค่อยๆ ก้าวขึ้นไป คนทั่วไปอาจตั้งเป้าหมายจะหาเงินล้านให้ได้ในห้าปี แต่คนร ว ยจะตั้งเป้าให้สั้นกว่านั้น เช่น จะต้องมีเงินแสนในสามเดือน การดีใจ 1 ครั้ง กับดีใจ 10 ครั้งนั้นต่างกัน มาก ยิ่งมีสิ่งให้ดีใจเยอะเท่าไหร่ ก็จะมีแรงขับเคลื่อน มากขึ้นเท่านั้น
จ่ายเงินซื้ อเวลา
คนร ว ยคิดว่าเวลาคือเงิน ประหยัด 1 ชั่ วโมง ไว้พัฒนาความสามารถของตัวเอง แบ่งเวลาสัก 10 นาทีไว้เพิ่มมูลค่าตัวเองให้สูง เช่น การใช้เงินจ้างแม่บ้าน มาทำความสะอาดบ้าน ส่วนตัวเองก็นั่งทำงานของตัวเอง และใช้เวลานั้นพัฒนาความสามารถในการทำงานจนสำเร็จ การเดินทางก็เช่นกัน พวกเขาจะหาที่อยู่ที่ใกล้บริษัทที่สุด เพื่อไม่ให้เวลาสูญเปล่าอยู่บนท้องถนน เวลาในการเดินทาง สามารถเอามาทำงานให้เสร็จได้ 1 งาน มีเวลาพักผ่อนเพิ่ม 1 ชั่ วโมง หรือมีเวลาทำอาหารเช้าด้วยตัวเอง หาสิ่งดีๆ ลงท้องก่อนเริ่มงาน
สิ่งที่ควรระวังมากที่สุด คือ การใช้เวลาอย่ างสิ้นเปลืองไปกับการประชุม ยิ่งประชุมนานเท่าไหร่ ความขัดแย้งก็จะมากขึ้นเท่านั้น นอ กจากนี้ยังเป็นการใช้งานสมองอย่ างหนัก หรือบางครั้งอาจทำให้เกิดความเฉื่อยช าไปเลยก็ได้
ที่มา a m a r i n b o o k s, 1 0 8 r e s o u r c e s